สมาคมโฆษณาฯ ภายใต้การบริหารของยุคยังเติร์ก
ในช่วงปี พ.ศ. 2520 - 2525 นับว่าเป็นช่วงที่ธุรกิจโฆษณามีการตื่นตัวสุดขีด คนไทยหลายคนที่มีความคิดว่าถึงเวลาแล้วที่น่าจะตั้งบริษัทโฆษณาไทยเป็นของตนเองกันหลังจากที่ได้สั่งสมประสบการณ์มาเป็นเวลาอันยาวนาน ประกอบกับธุรกิจโฆษณายังถือได้ว่าเป็นอาชีพที่มีความรุ่งเรืองในอนาคต อีกทั้งยังมองเห็นว่าพัฒนาการของเมืองไทยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สื่อต่าง ๆได้ขยายวงกว้างออกไปเป็นอย่างมากและประชากร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญก็ได้เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้อำนาจซื้อสูงตามไปด้วย เช่นกัน
มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดมีการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นกิจการด้านบริการขยายตัวมากขึ้น รวมทั้ง ความก้าวหน้าทันสมัยของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดังนั้น บริษัทโฆษณาของคนไทยจึงเริ่มก่อตั้งขึ้นเป็นจำนวนมากพร้อมๆ กับที่บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ของโลก ที่เริ่มมองหาบริษัทโฆษณาของคนไทยที่มีฝีมือและประสบการณ์เพื่อขอร่วมทุน
ซึ่งในช่วงปี พ.ศ. 2520 - 2525 นั้น ได้มีบริษัทโฆษณา ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่อีกหลายบริษัท คือ
บริษัท แพตเตอร์สัน แอนด์ พาร์ตเนอร์ ประเทศไทย จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2520
บริษัท ประกิต แอนด์ แอสโซซิเอตส์ จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2521
บริษัท แอมเมกซ์ ออริจิน จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2521
บริษัท ไทยอิมเมจ แอ๊ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2523
บริษัท เดอะบอลล์ พาร์ทเนอร์ชิพ จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2523
บริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2524
บริษัท เมเจอร์ แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2525
บริษัท เดอะ มีเดีย จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2525
การก่อตั้งบริษัทโฆษณาขึ้นใหม่อย่างมากมายนี้เอง ได้ทำให้การบริหารงานของสมาคมโฆษณาฯ ในช่วงนั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและเรียกร้องความสนใจสำหรับสมาชิกรวมทั้งมีการเสริมสร้างกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ธุรกิจโฆษณาและคนโฆษณาให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้น ผู้บริหารสมาคมโฆษณาฯ ยุคนี้ที่ถูกเรียกขานว่า "ยังเติร์ก" ได้เกิดขึ้นมา โดยการนำของ คุณสมาน บินมูอิน นายกสมาคมโฆษณาฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2519 - 2521 ซึ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมฯ ติดต่อกัน 2 วาระ และติดตามมาด้วย คุณกำธร กมลวรินทิพย์ และ คุณมานิต รัตนสุวรรณ ซึ่งได้รับเลือก ให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ติดต่อกัน 2 วาระ เช่นเดียวกัน จึงได้เข้ามาปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบเสียใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยตลอดจนดำเนินการบริหารให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้นเพื่อเป็นการปูแนวทาง การปฏิบัติให้แก่ผู้บริหารชุดต่อ ๆ ไป
ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าสมาชิกของสมาคมฯ มีเพิ่มมากขึ้น เริ่มมีความใกล้ชิดกับหน่วยงานราชการมากขึ้น กิจกรรมต่าง ๆ ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อรองรับประโยชน์ของธุรกิจในอนาคตอย่างต่อเนื่องได้มีการนำภาพยนตร์โฆษณาของต่างประเทศที่ได้รับรางวัลของโลกมาฉายให้กับสมาชิกและผู้สนใจได้ชมกันอยู่เสมอ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในธุรกิจโฆษณาและในช่วงนี้เองที่ผู้บริหารสมาคมฯ มีความคิดที่จะให้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมโฆษณาของเอเชีย (Asian Advertising Congress) อีกครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากหมดวาระเสียก่อนจึงได้มอบเรื่องนี้ให้กับนายกสมาคมฯ คนถัดไปเป็นผู้รับงานแทน