AAT Regulation
ข้อ 1.
สมาคมนี้ให้ชื่อว่า "สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย" มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า "Advertising Association of Thailand" มีเครื่องหมายเป็นภาพสังข์ และมีตัวย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “AAT” สำนักงานตั้งอยู่ ณ เลขที่ 12/14 ถนนเทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว จตุจักร กรุงเทพมหานคร
ข้อ 2.
สมาคมนี้เป็นสมาคมวิชาชีพ มีวัตถุประสงค์ดังนี้
- ผดุงเกียรติ สร้างความเข้าใจอันดีซึ่งกันและกันในระหว่างสมาชิก
- แลกเปลี่ยนความรู้ในระหว่างสมาชิก ติดต่อประสานงานกับสถาบันการโฆษณา สถาบันสื่อโฆษณา ได้แก่ สื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และสื่ออื่น ๆ รวมทั้งสถาบันที่เกี่ยวข้องทั้งใน และ ต่างประเทศ
- เผยแพร่คุณค่าของการโฆษณา ติดต่อจัดให้มีการหารือ ประสานงาน เพื่อประสิทธิภาพของงาน โฆษณา และให้คำแนะนำ ทางการโฆษณา ตามความต้องการของสถาบันต่าง ๆ รวมทั้งให้บริการข้อมูลข่าวสารจากการประกอบวิชาชีพโฆษณาเพื่อประโยชน์สาธารณะ
- เพิ่มพูนมาตรฐานในวิชา อาชีพ และจริยธรรมโฆษณา
- คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้บริโภคจากการประกอบวิชาชีพโฆษณา
- ดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในวิชาชีพโฆษณา และสมาคมนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
ข้อ 3. สมาชิกของสมาคมมี 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
- สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่บุคคลซึ่งคณะกรรมการบริหารเห็นสมควรด้วยมติ 2 ใน 3
-
สมาชิกสามัญได้แก่สมาชิกเป็น
ก. บุคคลผู้ปฏิบัติงานในบริษัทโฆษณา
ข. บุคคลในแผนกโฆษณาของบริษัทหรือห้างร้านและอื่น ๆ
ค. บุคคลซึ่งเป็นคนกลางในการติดต่อหาโฆษณา
ง. บุคคลในแผนกรับโฆษณาของสื่อมวลชน
จ. บุคคลผู้ประดิษฐ์สิ่งโฆษณา
ฉ. บุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและวิชาชีพโฆษณา
- สมาชิกสถาบันได้แก่สมาชิกที่เป็นบริษัทโฆษณา บริษัทห้างร้านผู้ประดิษฐ์วัสดุที่ใช้ใน การโฆษณา หรือบริษัทและสถาบันอื่นๆ ที่คณะกรมการบริหารเห็นสมควร
- สมาชิกสมทบ คือบุคคลภายนอก นอกเหนือไปจากที่ระบุไว้แล้ว และคณะกรรมการบริหาร เห็นสมควร
- ดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในวิชาชีพโฆษณา และสมาคมนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
ข้อ 4. การเข้าเป็นสมาชิก
- ผู้สมัครต้องแสดงความจำนงต่อเลขาธิการ โดยกรอกข้อความลงในแบบพิมพ์ของสมาคม และมีสมาชิกสามัญรับรองไม่น้อยกว่า 2 นาย เว้นแต่สถาบันที่สมัครเป็นสมาชิก ไม่ต้องมี ผู้รับรอง
- ผู้สมัครจะต้องผูกพันตนตามข้อบังคับว่าด้วยกระบวนการกำกับดูแลตนเองของนักวิชาชีพโฆษณาแห่งประเทศไทย
- เมื่อคณะกรรมการอำนวยการเห็นสมควร จะรับเป็นสมาชิกได้ให้ประกาศนามผู้สมัครนั้นไว้ ณ สำนักงานของสมาคม ถ้าไม่มีสมาชิกผู้ใดคัดค้านภายในกำหนด 15 วัน นับตั้งแต่วันประกาศ เป็นต้นไปเลขาธิการจะแจ้งให้ผู้สมัครทราบว่าสมาคมได้รับเข้าเป็นสมาชิกแล้ว แต่ผู้สมัครจะ เป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ ต่อเมื่อได้ชำระเงินค่าบำรุง ตามข้อบังคับของสมาคมภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบเป็นต้นไป ในกรณีที่สมาชิกคัดค้านเป็นลายลักษณ์อักษรให้คณะกรรมการ อำนวยการพิจารณาใบสมัครอีกครั้งหนึ่ง มติของคณะกรรมการ ครั้งที่ 2 นี้ ให้ถือเป็นเด็ดขาด หากคณะกรรมการอำนวยการพิจารณาเห็นว่ายังไม่ควรจะรับเข้าเป็นสมาชิก เลขาธิการจะแจ้งให้ผู้สมัครทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
- ผู้สมัครคนใดที่คณะกรรมการอำนวยการพิจารณาเห็นว่ายังไม่สมควรจะรับไว้เป็นสมาชิก จะขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกอีก ในปีเดียวกันไม่ได้
ข้อ 5. ค่าบำรุงสมาชิก
- สมาชิกสามัญจะต้องเสียค่าบำรุงปีละ 500 บาท ค่าลงทะเบียนครั้งแรก 50 บาท
- สมาชิกสามัญตลอดชีพ ค่าบำรุงสมาชิกครั้งเดียว 5,000 บาท ค่าลงทะเบียนครั้งแรก 50 บาท
- สมาชิกสถาบันจะต้องเสีย ค่าบำรุงปีละ 8,000 บาท ค่าลงทะเบียนครั้งแรก 50 บาท
ข้อ 6. สิทธิของสมาชิก
- สมาชิกทุกประเภท มีสิทธิเสนอความคิดเห็นในการปรับปรุงกิจการของสมาคมฯ แต่การ ออกเสียงใด ๆ ของ สมาคมจะออกเสียงลงคะแนนได้เฉพาะ สมาชิกสามัญและสมาชิกสถาบันเท่านั้น
- สมาชิกทุกประเภทมีสิทธิได้รับ เอกสารเผยแพร่ความรู้และกิจการต่าง ๆ ของสมาคม
- สมาชิกทุกประเภทและแขกของสมาชิกมีสิทธิใช้สถานที่ หรือสโมสรของสมาคม ตามระเบียบที่ได้กำหนดไว้
- สมาชิกทุกประเภทมีสิทธิได้รับสิทธิพิเศษตามที่สมาคมได้กำหนดไว้
- สมาชิกจะใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น ได้ต่อเมื่อได้ชำระค่าบำรุงสมาชิก ตามข้อบังคับของสมาคมแล้ว
ข้อ 7.
การโฆษณาทุกชิ้นจะต้องถูกกฎหมาย มีเกียรติ ซื่อสัตย์ และนำเสนอความจริง การโฆษณาไม่ควรมีความขัดแย้งกับศีลธรรมอันดี และระเบียบสังคมในการสร้างสรรค์งานโฆษณา ควรกระทำด้วยการตระหนักถึงการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และอยู่ภายใต้หลักของการแข่งขันที่ยุติธรรมที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในวงการธุรกิจ การโฆษณาต้องไม่ทำให้สาธารณะชนเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในการโฆษณา
- ประกอบวิชาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามหลักปฏิบัติและวิชาการ และอยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมาย
- ไม่ทำการใดๆ อันอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
- มีความรับผิดชอบต่อสังคม และไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียในจริยธรรมและวัฒนธรรมอันดีงาม
- ไม่ควรกระทำการโฆษณาอันเป็นการดูหมิ่นเชื้อชาติ ศาสนา หรือความเชื่อ หรือสิ่งอันเป็นที่เคารพสักการะของบุคคลทั่วไป
- ไม่ควรกระทำการโฆษณาอันทำให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับ สินค้า บริการ การแสดง หรืออื่นๆ หรือโอ้อวดสรรพคุณจนเกินความจริงจนทำให้ผู้เห็นหรือผู้ฟังเกิดความสำคัญผิด
- ไม่ควรกระทำการโฆษณาโดยใช้ความเชื่อถือเกี่ยวกับไสยศาสตร์ หรือเรื่องโชคลางมาเป็นข้อจูงใจ
- ไม่ควรกระทำการโฆษณาโดยการเลียบแบบเครื่องหมายการค้า คำขวัญ, ข้อความสำคัญ หรืออื่น ๆ จากการโฆษณาของผู้อื่น อันทำให้ผู้อื่นเห็น หรือผู้อื่นได้ยินเกิดความเข้าใจผิดหรือไขว้เขวเกี่ยวกับสินค้า บริการ หรือการแสดงของผู้อื่น
- ไม่ควรกระทำการโฆษณาโดยใช้ศัพท์สถิติ ผลการวิจัย หรืออ้างอิงรายงานทางวิทยาศาสตร์ในทางที่ไม่สมควร หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยที่สินค้านั้นไม่มีคุณสมบัติตามที่อ้าง
- ไม่ควรกระทำการโฆษณาโดยอ้างถึงตัวบุคคล หรือสถาบัน โดยที่ตัวบุคคล หรือสถาบันนั้นไม่มีตัวตนอยู่จริงและไม่ได้ใช้สินค้าและบริการ หรือชมการแสดงนั้นจริง
- ไม่ควรกระทำการโฆษณาอันอาจมีผลเป็นอันตรายต่อเด็ก หรือผู้เยาว์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ หรือทำให้ขาดความรู้สึกผิดชอบ หรือโดยอาศัยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของบุคคลดังกล่าวมาใช้เป็นเครื่องมือในการจูงใจโดยไม่สมควร
ข้อ 8. การขาดจากสมาชิกภาพ สมาชิกจะขาดจากสมาชิกภาพเมื่อ
- ตาย
- ลาออก
- ฝ่าฝืนต่อข้อบังคับว่าด้วยกระบวนการกำกับดูแลตนเองของนักวิชาชีพโฆษณาแห่งประเทศไทย และ คณะกรรมการบริหารมีมติเห็นสมควรให้ขาดจากสมาชิกภาพ
- มติคณะกรรมการบริหารพิจารณาเห็นสมควรให้ขาดจากสมาชิกภาพ
ข้อ 9. การเปลี่ยนประเภทสมาชิก
สมาชิกสามัญ และสมาชิกสมทบอาจจะเปลี่ยนซึ่งกัน และกันได้ในเมื่อได้มีการเปลี่ยนอาชีพ และได้แจ้งให้ คณะกรรมการทราบ
ข้อ 10. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคม มีจำนวนไม่เกิน 15 คน ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ เข้าดำรงตำแหน่งต่างๆ ของสมาคม ตามที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งตำแหน่งของกรรมการสมาคมมีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขปดังต่อไปนี้
- นายกสมาคม
ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคมคณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้แทนสมาคมให้การติดต่อกับบุคคลภายนอกและทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมใหญ่ของสมาคม เป็นผู้มีอำนาจลงนามในหนังสือสำคัญและเอกสารต่างๆของสมาคม - อุปนายก
ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคมปฏิบัติหน้าที่ที่นายกสมาคมได้มอบหมายและทำหน้าที่แทนนายกสมาคม เมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคม ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำแทน - เลขาธิการ
ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมดเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคมและปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม - เหรัญญิก
มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชี รายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ - ประชาสัมพันธ์
มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย - สาราณียกร
มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดทำวารสารและหนังสือในโอกาสต่างๆของสมาคม - นายทะเบียน
มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคมประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก - ปฏิคม
มีหน้าที่เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ และประสานงานกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคม - กรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้นโดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับกำหนดไว้แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ ถือว่าเป็นกรรมการกลาง
ข้อ 11. นอกเหนือจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการ อาจแต่งตั้งกรรมการหรืออนุกรรมการชุดอื่น ๆ ขึ้นปฏิบัติงาน ได้ตามความเห็นชอบ และอาจเชื้อเชิญ บุคคลภายนอก หรือสมาชิก ซึ่งเห็นสมควร ตั้งขึ้น เป็นกรรมการที่ปรึกษาไม่จำกัด จำนวน รวมทั้งแต่งตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำ ของสมาคมได้ด้วย
ข้อ 12.
- การเลือกตั้งนายกสมาคมให้กระทำโดยที่ประชุมใหญ่ คือ เลือกจากสามัญสมาชิก ด้วยวิธีเสนอชื่อ มีสามัญสมาชิกรับรองอย่างน้อย 7 นาย ผู้ได้คะแนนสูงสุด ถือว่าได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม
- การเลือกตั้งกรรมการบริหารให้กระทำโดยที่ประชุมใหญ่ คัดเลือกจากสามัญสมาชิกจำนวนครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการบริหาร ด้วยวิธี เสนอชื่อ มีสามัญสมาชิกรับรองอย่างน้อย 5 นาย ผู้ได้รับคะแนนสูงสุด และลดหลั่นลงมาตามลำดับ ถือว่าได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารของสมาคม ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ให้เป็นสิทธิของนายกที่จะแต่งตั้งจากสามัญสมาชิก
- ตำแหน่งต่าง ๆ ในคณะกรรมการบริหาร (หมวด 4) ให้กรรมการที่ได้รับเลือกตั้ง และแต่งตั้งพิจารณาตั้งกันเอง
ข้อ 13.
- คณะกรรมการบริหารสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 2 ปี นับตั้งแต่วันได้รับเลือกตั้งหรือแต่งตั้งซึ่ง เท่ากับวาระการดำรงตำแหน่งของนายกสมาคมดำรงตำแหน่งอยู่
- นายกสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งวาระละ 2 ปี แต่ไม่เกิน 3 วาระ (6 ปี)
-
คณะกรรมการบริหารจะสิ้นสุดสภาพ
ก. ถึงคราวออกตามวาระ
ข. ตาย
ค. ลาออก
ง. ขาดสมาชิกภาพ
จ. ที่ประชุมใหญ่ออกด้วยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกซึ่งเป็นองค์ประชุม
1. การประชุมคณะกรรมการบริหาร
ข้อ 14. คณะกรรมการบริหารของสมาคม จะต้องมีการประชุมอย่างน้อยปีละ 6 ครั้ง ครั้งแรกให้ประชุมภายในเดือนแรกที่ได้รับแต่งตั้ง ต่อจากนั้นให้นายก และเลขาธิการเป็นผู้กำหนดนัดหมาย
ข้อ 15. การประชุมของคณะกรรมการบริหาร จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ จึงจะถือว่าเป็นองค์ประชุม
ข้อ 16. มติที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมากของกรรมการเป็นหลัก หากมีเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
2. การประชุมใหญ่สามัญประจำปี
ข้อ 17. คณะกรรมการบริหารของสมาคม จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่ของสมาคม อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อ
- พิจารณากิจการและรับรองฐานะการเงิน ของสมาคมในรอบปีที่แล้ว
- เลือกตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี
- เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารของสมาคมฯ เมื่อครบกำหนดตามข้อ 13 และ
- เรื่องอื่น ๆ
ข้อ 18. คณะกรรมการบริหารของสมาคม จะต้องเป็นผู้กำหนดวันเวลา สถานที่และระเบียบวาระการประชุม โดยให้เลขาธิการของสมาคม แจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า 30 วัน
ข้อ 19. การตัดสินปัญหาใด ๆ ในการประชุมสมาชิกให้ถือเสียงข้างมากของที่ประชุมเป็นหลัก ในกรณีที่มีเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 20. การประชุมใหญ่ต้องมีสมาชิกประชุม ไม่น้อยกว่า 20 คน จึงจะถือเป็นองค์ประชุม
3. การประชุมใหญ่พิเศษจะมีขึ้นได้ต่อเมื่อ
ข้อ 21.
ก. คณะกรรมการบริหารพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการสมควรที่จะเรียกประชุมใหญ่พิเศษ
ข. สมาชิกสามัญจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน มีสิทธิร้องขอให้นายกสมาคม เรียกประชุมใหญ่พิเศษ แต่ในหนังสือร้องขอนั้นต้องระบุลงไปว่าจะให้ประชุมใหญ่พิเศษในเรื่องใด เมื่อนายกได้รับหนังสือร้องขอแล้วต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่พิเศษ ภายในกำหนด 30 วัน
ข้อ 22.
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับในกรณีใด ๆ ก็ตาม จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบ จากที่ประชุมใหญ่โดยมติ 2 ใน 3
ข้อ 23.
เมื่อเลิกสมาคม ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่จากที่ได้ชำระบัญชีแล้วให้มอบ หรือโอนทรัพย์สินเหล่านั้นให้แก่กุศลสาธารณะที่เป็นนิติบุคคลตามที่ที่ประชุมใหญ่ หรือสมาคมจะเห็นสมควร